ปฏิเสธกันไม่ได้เลยค่ะว่า ตอนนี้กระแสออนไลน์ หรือบรรดา Social Media ดูจะมีพลัง และมีผลกระทบไปแทบทุกๆ เรื่องในสังคม ประกอบกับการเข้าถึงเทคโนโลยีเป็นเรื่องไม่ยากเกินไป ลองนึกย้อนกลับไปสมัยวัยเรียน แต่ละบ้าน แต่ละครอบครัวจะมีคอมพิวเตอร์ใช้กันก็เฉพาะในกลุ่มของคนที่ต้องเรียน หรือทำงานในสายนี้เท่านั้น บ้านไหนมีคอมฯ ใช้เท่ห์สุด ๆ ค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ แทบเป็นอุปกรณ์จำเป็นตัวหนึ่งในครอบครัว เหมือนทีวี วิทยุ ..และบางครอบครัวอาจมีคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 เครื่องด้วยซ้ำ ทำให้การเข้าถึง การรับข้อมูลต่างๆ ก็เลยง่ายขึ้น (มาก) ยิ่งเดี๋ยวนี้เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Networking) ก็ยิ่งเร็วปรื๊ดเข้าไปใหญ่
โลกของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ก็ไม่ต่างจากโลกความเป็นจริง ที่มีทั้ง “คนดี” “คนร้าย” “ตัวจริง” “ตัวปลอม” ปะปนกันไปหมด แต่ที่น่าวิตกกว่าโลกความเป็นจริงคือ เรื่องราวบนโลกสังคมออนไลน์ แพร่กระจายไปได้เร็วมาก แล้วก็หยุดยากเสียด้วย ( โดยเฉพาะเรื่องเสียๆ หายๆ ) บางคนใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือคาดไม่ถึงว่าจะเกิดผลเสียหายตามมาภายหลังมากมายขนาดไหน อย่างที่เคยมีข่าวเรื่องที่มีคณะผู้ติดตามประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ที่เดินทางไปร่วมประชุมอาเซียนที่เวียดนาม แล้วเกิดไปทวีตข้อความ อาทิเช่น “ไวน์เวียดนามรสชาติไม่ได้เรื่อง” “ไม่มีผู้ชายหน้าตาดีในประเทศเจ้าภาพ” แล้วยังเปรียบเทียบการข้ามถนนอันจอแจในกรุงฮานอยว่าเหมือนกับการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง … อะไรทำนองนี้..อย่างนี้ก็งานเข้ากันเลย หลังจากเกิดเรื่อง มีการห้ามจนท.ฝ่ายบริหารใช้ทวิตเตอร์ชั่วคราว และรัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ยังออกหลักปฏิบัติว่าด้วยการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ของบรรดาลูกจ้างของรัฐทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างข่าวลักษณะแบบนี้อยู่หลายกรณี ..จึงปฏิเสธไม่ได้ค่ะว่า เมื่อเป็น “สังคม” ก็ต้องมีกฎ มีระเบียบ มีข้อควรปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็น สังคมบน “โลกออนไลน์” หรือ “โลกความเป็นจริง” ซึ่งเชื่อว่ายังมีผู้ใช้งานที่อาจละเลยตรงนี้กันเป็นส่วนใหญ่

ถึง ณ วันนี้หลายองค์กร ไม่ใช่แค่เพียงองค์กรสื่อ ก็ทยอยออกแนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้กับบุคลากรในองค์กรของตน โดยเฉพาะกับคน หรือองค์กร ที่สวมบทบาทเป็น “แหล่งข่าว” ก็ยิ่งต้องสนับสนุนให้เกิดการใช้งานอย่างจริงจัง เพราะประเด็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแยก “ข่าว” กับ “ความเห็น” , การให้เครดิตกับเจ้าของข้อมูล, ความสมดุลของข้อมูล, การเผยแพร่ข้อมูลในที่ประชุมปิด แม้กระทั่งการใช้ภาษา ก็ล้วนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องไม่ละเลยเช่นกัน
ถึงตอนนี้สื่อมวลชนไทย ก็มีแนวทางในการใช้ Social Media ที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นสื่อมืออาชีพมากขึ้น “ไทยพีบีเอส” ในฐานะขององค์กรสื่อ และเป็นสื่อสาธารณะแห่งแรกของไทย ก็มีการประกาศใช้แนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์ออกมาแล้วเช่นกันเมื่อเดือนธันวาคม 2555 ในชื่อ “แนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในกิจการ ส.ส.ท.” (ติดตามดาวน์โหลดได้ที่ www.thaipbs.or.th/SocialMediaGuideline ) ซึ่งรวบรวม ตกผลึก จากหลายเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น, แบบสำรวจของพนักงานภายใน, จาก Guideline มาตรฐานในแวดวงสื่อ โดยมีการแต่งตั้งคณะทำงานร่างแนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันระดมความคิดเห็น ประสบการณ์ เพื่อร่างและจัดทำแนวปฏิบัติตัวนี้ขึ้น ซึ่งก็ใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว และเมื่อมีแนวปฏิบัติฯ ประกาศเป็นเอกสารแล้ว จะให้สัมฤทธิ์ผล ก็ต้องมีการผลักดันให้เกิดความรู้ ความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกแนวทาง

.. แต่ถึงแม้จะไม่ใช่คน หรือองค์กรในแวดวงสื่อ …“จริยธรรม หรือแนวปฏิบัติ” แบบนี้ ก็ควรเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงและตระหนัก สำหรับใครก็ตามที่จะก้าวเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์นี้เช่นกัน !
