คนเปลี่ยน สื่อปรับ รุก-รับ อย่างไร? (1/4) ..โพสต์ พับลิชชิ่ง

เก็บตกใจความและภาพบรรยากาศของงานเสวนาดี ๆ ของคนสื่อมาฝากค่ะ (หากภาพไม่ค่อยชัดต้องขออภัยด้วยค่ะ) ชื่องานเวทีเสวนา “คนเปลี่ยน สื่อปรับ รุก-รับ อย่างไร” วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2556 เวลา 9.00 – 16.30 น.  ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต งานนี้จัดโดย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และ ภาควิชาวารสารศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมี 4 หัวข้อบรรยายที่น่าสนใจ
บรรยากาศ "คนเปลี่ยน สื่อปรับ รุก-รับ อย่างไร"
หัวข้อบรรยายแรก :
09.15-10.00 น. บรรยายพิเศษ เรื่อง “คนเปลี่ยน สื่อปรับ รุก-รับ อย่างไร”  
โดย นายศุภกรณ์ เวชชาชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)
การให้ทุกคนเข้าถึงข่าวในออนไลน์ ได้เหมือนกับบน นสพ.เป็นข้อดีสำหรับผู้บริโภค แต่ส่งผลกระทบกับธุรกิจสิ่งพิมพ์อย่างมาก ยอดขายลด ยอดโฆษณาลด ในองค์กร นสพ.แต่ละที่ทั้งในและตปท.ปรับตัวไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทำคล้ายกันอย่างหนึ่งคือ การตัดค่าใช้จ่าย และไปทุ่มให้กับออนไลน์ แต่ต้องยอมรับว่าเม็ดเงินที่อยู่ในโฆษณาออนไลน์ไม่โตเพียงพอที่จะครอบคลุมส่วนที่หายไปจากโฆษณาของทีวีหรือ นสพ.

คนเปลี่ยน สื่อปรับ

11_graph
ภาพนี้แสดงถึงกราฟยอดจำหน่ายของธุรกิจหนังสือพิมพ์ ที่เหมือนกันทุก ๆ องค์กร ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ schibsted ของนอร์เวย์ ปรับองค์กรโดยยกเลิก นสพ. ไปทำออนไลน์อย่างเดียวเพราะมี คชจ.น้อยกว่า ทำให้องค์กรเป็นดิจิทัล ผลคือผู้อ่านเยอะขึ้น รายได้และกำไรเยอะขึ้น


คุณศุภกรณ์ ยังบอกอีกว่า สำหรับธุรกิจหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นการขายโฆษณา, การทำหนังสือพิมพ์, การจัดส่ง ยังคงไม่ค่อยเปลี่ยนจากเมื่อก่อน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากคือ “พฤติกรรมผู้บริโภค

ตัวอย่างการโฆษณาของ นสพ.ในอดีต

องค์กรหนังสือพิมพ์ เป็นองค์กรที่เคลื่อนไหวช้า 5-10 ปีหลัง เมื่อมีอินเตอร์เน็ตเข้ามา มีการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคอย่างมาก องค์กรเองก็อาจจะปรับตัวไม่ทัน บ.โพสต์ พับลิชชิ่ง เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตนถนัด คือ ทำข่าว ทำนสพ. ขายโฆษณา แต่ Outsource ในสิ่งที่ไม่ถนัด เช่น ไอที (จากเดิมมี 50-60 คนก็เหลือแค่คนเดียวไว้บริหาร Outsource), งานด้านบัญชีการเงิน
เมื่อก่อน บางกอกโพสต์ มีรายได้ 800 ล้านและมี นสพ.อยู่ฉบับเดียว ปัจจุบันปรับองค์กร เพิ่มประเภทสินค้าที่ผลิต ทำให้มียอดขายเกือบ 3,000 ล้าน

Post Publishing Revenue 2013

บ. โพสต์ฯ ให้การทำวิจัยในการดูตลาด คู่แข่ง เทรนด์ทั้งในและต่างประเทศ ต้องมีการวางแผน โดยจะจับกลุ่มผู้บริโภคได้แก่
1. ผู้บริโภคข่าวภาษาอังกฤษ
2. นักธุรกิจ
3. คนทำงานใน กทม. ตามออฟฟิส เดินทางตามรถไฟฟ้า รถใต้ดิน
4. กลุ่มผู้หญิง สนใจแฟชั่น ไลฟ์สไตล์
5. กลุ่มเฉพาะ
6. คนทั่วไปชนชั้นกลาง

Post Publishing Product

Our Businessบ.โพสต์ พับลิชชิ่ จะเน้นทำวิจัย เพื่อเอามาทำสินค้าให้ตรงกับตลาดที่เค้าสนใจ “M2F” เป็นหนังสือแจกฟรีที่ประสบความสำเร็จ เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ชินกับการรับข่าวฟรีจากอินเตอร์เน็ต โดยทำ Focus Group 200-300 คน อยากได้ข่าวแบบไหน แต่ละหน้าอยากให้มีอะไร แล้วเอามาทำคอนเท้นส์ตามความต้องการของผู้บริโภค ข่าวที่ไม่ต้องการมากที่สุดคือ “การเมือง” โดย M2F มีรายได้จากการโฆษณา ที่สำคัญคือต้องพิมพ์ 4 แสนฉบับ และแจกจริงทุกวัน
บ.โพสต์ พับลิชชิ่ง มีหลายสินค้า จุดที่แข็งแรงคือการเลือกคนมาทำคอนเท้นส์ที่ตรงกับผู้บริโภค ที่ยังเป็นจุดอ่อนคือเรื่อง Digital Media ที่ยังทำได้ไม่ดี ปรับตัวไม่เร็ว และด้านทีวี หรือ ดิจิทัลทีวี ซึ่งถือเป็นโอกาสใหญ่สุดของคนทำข่าว



ลักษณะของการทำข่าว
คุณลักษณะของการทำข่าว นสพ.